Mittwoch, 2. April 2008

Pigoon Flaig




คุณพิกุล ไฟล์ก เป็นพยาบาลไทยซึ่งมามีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศเยอรมนี
ผลงานด้านการเขียน และการแปล
ของคุณพิกุล ไฟล์ก คงเคยผ่านหูผ่านตาชาวไทยหลานท่าน
มาบ้างแล้ว

นอกจากนั้นคุณพิกุลยังเป็นคอลัมนิสต์รับเชิญให้แก่ วารสารชาวไทย ในประเทศเยอรมนี

บทสัมภาษณ์คุณพิกุลข้างล่างนี้ จะทำให้เรารู้จัก คุณพิกุล
และทราบ คอนเซ็ปต์ในการอยู่และทำงานในต่างแดนให้มีความสุขได้ค่ะ


1 ขอทราบประวัติโดยสังเขปของพี่ด้วยค่ะ

ชื่อ พิกุล พรหมปัญญา ปัจจุบันนี้ ใช้นามสกุลFlaig (ไฟลก์) อายุ54 ปี
เกิดและเติบโตที่หมู่บ้านสันป่ายาง ต.สันป่ายาง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
จบการศึกษาอนุปริญญาพยาบาล จากภาควิชาพยาบาล คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปริญญาตรี คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
พี่เป็นเด็กบ้านนอก มีพี่น้องห้าคน พี่เป็นลูกคนที่สาม เติบโตมากับธรรมชาติ ทุ่งนาป่าเขาทีเดียวนะคะ เวลาคิดถึงชีวิตตอนเด็กมักจะนึกถึงตอนหิ้วตะกร้าผ้าไปซักที่แม่น้ำ ซักเสร็จก็ว่ายน้ำเล่นกัน ถ้าเป็นหน้าร้อนก็จะเอาผ้าห่ม มุ้ง ผ้าปูที่นอนไปซักที่น้ำตก คือยกขบวนกันไปทั้งครอบครัวและเพื่อนบ้านอีก ออกจากบ้านแต่เช้า ห่อข้าวกลางวันไปกินด้วย ซักผ้าเสร็จก็ตากที่ก้อนหิน แล้วเล่นน้ำกัน ตอนบ่ายๆพอผ้าแห้งก็กลับบ้าน ขากลับแวะเก็บผัก ผลไม้ป่าข้างทางกลับบ้านด้วย สนุกมาก เวลาหน้าฝนก็ช่วยทำนา ทำสวน เพราะพ่อแม่ แม้จะเป็นครู แต่ก็ต้องทำนาทำสวน เลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ ตกปลา ช้อนปลา ทำหมด
เดี๋ยวนี้เวลาไปเดินเล่นที่ไหน เห็นแม่น้ำลำธาร ก็มักจะคิดถึงชีวิตตอนเป็นเด็ก น่าเสียดายเดี๋ยวนี้กลับบ้าน ไปหาน้ำตกไม่เจอแล้ว มีแต่โขดหิน กับธารน้ำเล็กๆ แม่น้ำก็ตื้นเขิน มีแต่ทราย
เรื่องการศึกษา แม่พาไปโรงเรียนด้วยตั้งแต่เล็กๆ แม่สอนชั้นป.1 รวมกันกับชั้นป.ภายในห้องเดียวกัน โดยแบ่งห้องเป็นสองส่วนคือซ้ายและขวา ก่อนเข้าเรียนตามเกณฑ์ ครูใหญ่บอกให้ทดลองทำข้อสอบกับเด็กชั้นป.2ดู ปรากฏว่าสอบได้จริงๆ อายุเจ็ดขวบจึงกระโดดไปเรียนชั้นป.3 เลย เลยกลายเป็นนักเรียนที่อายุน้อยที่สุดในห้องตลอด จนถึงมาเรียนพยาบาล
บอกตามตรงว่าใจอยากเรียนทางเกษตร เพราะชอบดอกไม้ กล้วยไม้ แต่ตอนจบม.ศ5 คิดว่าถ้าไปสอบเอนทรานซ์ อาจจะติด (คือตอนเป็นเด็กก็จัดอยู่ในระดับเรียนดี แต่พอเรียนม.ปลายเลือกสายผิด ไปเรียนวิทย์ เกือบตก ถ้าเรียนศิลป์คงไปได้ดีกว่า)แต่ตัดใจไม่ไปสอบ เพราะกลัวสอบติด คือถ้าติด เราคงต้องอยากเรียน แต่สงสารแม่เพราะต้องส่งน้องอีกสองคน (พ่อพี่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตอนอายุ 41 ปี แม่อายุ 38ปี ต้องเลี้ยงลูกห้าคน ตอนนั้นพี่อายุ 11 ปี)
พี่จึงสมัครเรียนพยาบาลโดยทุนรัฐบาล เมื่อเรียนจบ ต้องทำงานใช้ทุนอยู่สองปี ใช้ทุนเสร็จ ก็อยากจะไปทำงานที่อเมริกา เพราะมีเพื่อนสนิทที่พ่อแม่ใช้ทุนคืนให้เป็นเงินก้อน ไปทำงานอยู่ก่อนแล้ว ในระหว่างที่รอวีซ่าอยู่นั้น นโยบายของประเทศสหรัฐฯ เปลี่ยนแปลง หยุดรับพยาบาลไทยเข้าทำงาน จึงเบนเข็มชีวิต สมัครเข้าเรียนต่อที่คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ เผื่อว่าอาจจะไปทำงานด้านการสอน แต่เกิดความไม่เป็นธรรมขึ้นในวงราชการที่ทำอยู่ในเรื่องการรับทุนการศึกษาต่อ จึงเสียความรู้สึกมากเลยตัดสินใจลาออกจากราชการ
เมื่อเรียนที่จุฬาฯจบ แทนที่จะกลับไปเป็นอาจารย์สอนนักเรียนพยาบาล กลับไปทำงานที่บริษัทจำหน่ายนมผงเลี้ยงทารก เพราะเพื่อนชวนว่ารายดีและได้เที่ยวต่างจังหวัดทุกเดือน คือพี่ชอบเที่ยวค่ะ มีความใฝ่ฝันว่าจะไปเที่ยวหลายๆประเทศ ด้วย
ต่อมาจึงไปทำงานพยาบาลที่ ประเทศ ซาอุดีอาระเบีย เกือบสองปี พอจะมีเงินเก็บอยู่บ้าง เลยไปเที่ยวประเทศเยอรมนีกับเพื่อนสี่คน โดยไปหาเพื่อนรุ่นพี่ที่แต่งงานกับผู้ชายชาวเยอรมันและอยู่ที่ประเทศเยอรมนีหลายปีแล้ว เพื่อนแนะนำให้รู้จักกับสามี พี่กำลังอกหัก อยากได้คนช่วยรักษาแผลใจอยู่พอดี และท่าทางเขาก็เป็นผู้ใหญ่ใจดี เพื่อนก็เชียร์ด้วย พอกลับไปเมืองไทยเลยไปเรียนภาษาเยอรมันที่สถาบัน เกอเธ่ และเขียนจดหมายติดต่อกัน บางเรื่องที่เข้าใจยาก เพื่อนก็ช่วยแปลให้
พี่มาอยู่เยอรมันตั้งแต่ปี พ.ศ.2529 ตอนนั้นยังไม่มีปัญหาคนตกงานเหมือนสมัยนี้ หลังจากแต่งงานก็ได้ใบอนุญาตทำงาน และทำงานในตำแหน่งพยาบาลทันที โดยทดลอง ทำงานสามเดือน หลังจากนั้นหัวหน้าตึกก็เซ็นรับรองให้ว่า เรามีความสามารถทำงานพยาบาลได้ และส่งเอกสารต่างๆ เช่นรายละเอียดวิชาที่เรียนไปให้หน่วยราชการ จึงได้ใบรับรองจากรัฐบาล เทียบได้กับใบประกาศนียบัตรวิชาชีพพยาบาล



2 ปัญหาที่มีเมื่อมาอยู่เยอรมนีใหม่ๆ หลักการในการแก้ไขปัญหา

ชีวิตในเยอรมันปีแรก มีปัญหามาก ปัญหาในที่นี้คือ...คิดถึงบ้าน..เหงา และเรื่องภาษา
สิ่งที่ช่วยได้มากที่สุดคือเขียนจดหมาย ทำงานฝีมือ เช่น ถักไหมพรม ภาษาเยอรมัน ถึงแม้ว่าจะเรียนมาบ้าง แต่ก็ยังไม่พอ เพราะเป็นคนชอบอ่านหนังสือ จึงหงุดหงิดมากที่อ่านไม่รู้เรื่อง เรียกว่าเปิดดิก (พจนานุกรม) อ่านหนังสือพิมพ์ทุกวัน จึงไปเรียนภาษาเยอรมันต่อ พอเก่งภาษาขึ้นก็มีความสุขขึ้น เพราะได้อ่านหนังสือสนุกๆ ตอนนี้ขอย้อนเล่าเรื่องอดีตอีกหน่อยนะคะ เพราะพ่อแม่เป็นครู จึงส่งเสริมลูกๆเรื่องการอ่าน พ่อเป็นครูใหญ่เวลาสิ้นเดือนพ่อจะถีบจักรยานไปรับเงินเดือนที่อำเภอ กลับมาก็จะมีหนังสือหลายอย่าง เช่นการ์ตูนตุ๊กตา พอโตขึ้นหน่อย ก็ริอ่านหนังสือของผู้ใหญ่ด้วย ตอนนั้นมี วิทยาสาร มิตรครู ชัยพฤกษ์ วิปัสสนาบันเทิงสาร (ถ้าจำไม่ผิด แม่ชีวรมัย เป็นบรรณาธิการ) หนังสือที่ชอบมากก็มีเพชรพระอุมา พล นิกร กิมหงวน

3 สิ่งที่จูงใจ ทำให้เป็นนักเขียน นักแปล

ส่วนการเริ่มเขียนหนังสือ แปลหนังสือนั้นก็มาจากการที่ได้อ่านหนังสือเรื่อง‘เราจะพบกันอีก..ที่สวรรค์ของฉัน’ แล้วประทับใจ เป็นเรื่องราวของเด็กสาวชาวเยอรมันคนหนึ่ง ที่เธอป่วยด้วยโรคมะเร็งเมื่ออายุ 15 ปี ทั้งตัวคนป่วยและทั้งครอบครัวของเธอต่างร่วมกันต่อสู้กับโรคร้าย แต่เมื่อสู้ไม่ไหว ก็ยอมรับที่จะตาย และเตรียมตัวตายอย่างดี เช่นเขียนจดหมาย ทำของที่ระลึกให้คนที่เธอรัก
พี่ได้แปลเรื่องนี้จากภาษาเยอรมันเป็นภาษาไทยลง ในนิตยสาร พลอยแกมเพชร ใช้นามปากกาว่า แก้ว พิกุล และตามมาด้วยคอลัมน์ พยาบาลไทยในเยอรมัน ซึ่งเขียนจากประสบการณ์จริงของตนเอง เป็นเวลาสิบกว่าปี(จนถึงปี2549) ปัจจุบันที่กำลังตีพิมพ์อยู่ เป็นเรื่องแปล ชื่อเรื่อง เพลิงใจ และแปลข่าว แปลกๆ ส่งเป็นประจำ ใช้นามปากกา ช่อแก้ว เพราะรักและผูกพันกับแม่มาก แม่ชื่อจันทร์แก้ว
จากการอ่าน วารสาร ชาวไทย พอมีการประกวด การเขียนจดหมาย ก็เลยส่งเข้าประกวด ได้รับรางวัลที่หนึ่ง ปีต่อมา ประกวด เขียนเรื่อง ประสบการณ์ที่ประทับใจ พี่ก็เขียนเล่าเรื่องปฏิบัติธรรม ก็ได้รางวัลที่หนึ่งอีก ปีที่สาม ประกวด นิทานสมัยใหม่ ก็ได้ที่หนึ่งอีก บก. คงคิดว่าเลิกดีกว่า คนหน้าเดิมได้รางวัลทุกที พี่คิดว่าที่ได้รางวัล เพราะคู่แข่งน้อยต่างหาก อีกอย่างเราชอบเขียนอยู่แล้ว แค่ได้ลงพิมพ์ก็ดีใจแล้ว ถ้าเป็นเวทีเมืองไทย คงตกรอบแรกไปแล้ว ตั้งแต่นั้นมา เลยกลายเป็นนักเขียนประจำของ ชาวไทย

4 ความคิดเห็นการใช้ธรรมะดับปัญหาในวงงาน

พี่ทำงานกับคนไข้จิตเวช ก็ต้องใช้ความอดทน ความใจเย็นมากหน่อย คนไข้โรคทางกาย เขามาโรงพยาบาลเพราะรู้ว่าตนเองป่วย ต้องการเข้ารับการรักษา ให้หายจากโรค แต่คนไข้จิตเวช ส่วนใหญ่ไม่เต็มใจเข้ามารักษา ถูกศาลสั่งก็มี ถูกหมอส่งมา ญาติบังคับหรือขอร้องให้มา
ส่วนกับเพื่อนร่วมงาน พี่คิดว่าไม่ว่าจะคนชาติไหน ก็มีทั้งคนดี คนเลว บ้างก็มีน้ำใจ บ้างก็เห็นแก่ตัว ชอบเอารัดเอาเปรียบ อยู่ที่ตัวเราต้องมีความเข้มแข็ง อดทน ขวนขวายหาความรู้ รู้จักปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม พยายามใช้ธรรมะเป็นหลักในการตัดสินใจ เอาความดีเข้าสู้
ดังนั้น หากมีปัญหา บางครั้งเราจะคิดไปแก้ไข ที่ตัวคนอื่นมันเป็นไปไม่ได้ เราต้องแก้ที่ใจเรา ปล่อยวางได้ ก็ปล่อยเสียบ้าง หากปล่อยไม่ได้ ก็ช่วยทะนุถนอมจิตใจเราเอง ไม่ให้เศร้าหมอง โกรธแค้น ขมขื่น น้อยใจ ด้วยการสวดมนต์ ทำสมาธิ แผ่เมตตา
หาคนคุยด้วย ปรับทุกข์ด้วย ซึ่งสำคัญมาก อย่างพวกเราตอนนี้ โชคดี ที่คุณสุคนธา เป็นคนสร้างเว็บพยาบาล ขึ้นมา ให้พวกเราได้พูดคุย เล่าปัญหา ความอึดอัดใจ ให้กันและกัน ช่วยเหลือกัน แค่มีคนรับฟัง ก็ทำให้เราสบายใจขึ้น เท่ากับเรารักษา ดูแลสุขภาพจิตเรา

5 ข้อแนะนำแก่น้องๆพยาบาลไทยซึ่งใช้ชีวิตอยู่ใน ต่างแดน

ชีวิตในต่างแดน พี่ว่าต้องมีความอดทน ที่สำคัญต้องมีกัลยาณมิตร เพราะบางคนเหงา แต่ไปคบเพื่อนไม่ดี แบบนี้พี่ว่ายอมเหงาอยู่คนเดียวดีกว่า เพราะเพื่อนมักมีอิทธิพลกับเรามาก ดังภาษิตที่ว่า ‘คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล’ นอกจากนี้เราต้องมีหลัดยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ชาวพุทธเราก็มีธรรมะ เพราะธรรมะเปรียบเหมือนวัคซีนป้องกันโรคทางใจ และการอยู่ร่วมกันในสังคม ไม่ว่าที่ใดก็ตาม พี่ใช้หลัก ‘เอาใจเขามาใส่ใจเรา’ ใช้ได้เสมอค่ะ

6 สิ่งที่ปรารถนามากที่สุดในขณะนี้

ช่วงหลังนี้ พี่ได้ไปปฏิบัติธรรมหลายแห่ง เช่นที่ศูนย์วิปัสสนาเชียงใหม่ ซึ่งมีอาจารย์ที่ดำเนินการสอนตามหลักของคุณแม่ดร.สิริ กรินชัย ทำให้รู้ซึ้งถึงคุณค่าของธรรมะ และนำมาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตให้มีความสุขตามอัตภาพได้
พี่ภูมิใจมากที่ได้เกิดมาเป็นชาวพุทธ ได้ศึกษาคำสั่งสอนอันวิเศษยอดเยี่ยมของพระพุทธเจ้า จึงชอบชักชวนคนไปปฏิบัติธรรม บางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่าคนไทยเราไม่น้อย ที่เหมือน ใกล้เกลือกินด่าง คือไม่สนใจจะศึกษาธรรมะกันจริงจัง เพราะบางคนก็คิดว่าฉันเป็นคนดีแล้ว ไม่คดโกง เบียดเบียนทำร้ายใคร
จริงๆแล้วการศึกษา ปฏิบัติธรรม คือการพัฒนาจิตของตนเอง จิตที่ถูกครอบงำด้วยความโลภ โกรธ หลง ยึดมั่นถือมั่น ในตัวกู ของกู
จิตที่พัฒนาแล้ว แม้จะไม่ถึงบรรลุญาณขั้นไหนหรืออะไรมากมาย แต่ก็ทำให้ผู้ปฏิบัติมีชีวิตอยู่อย่างไม่ประมาท เมื่อสุขก็ไม่ติด ไม่ยึด ไม่หลง เมื่อผิดหวัง เป็นทุกข์ก็ยอมรับและรู้เท่าทันมันว่า ทุกข์นั้น เกิดขึ้นได้เป็นธรรมดา ก็จะไม่ทุกข์ทรมานมากเท่าไร ทุกอย่างเป็นไปตามกฎไตรลักษณ์ เกิดขึ้น เปลี่ยนแปลง แล้วก็ดับสิ้นไป
จึงขอประชาสัมพันธ์มายังพี่น้องคนไทยทั้งในประเทศและต่างประเทศว่า ท่านใดสนใจเชิญเข้าไปหาข้อมูลได้ที่ www.vipassanacm.com

เมื่อไม่นานมานี้พี่ได้อ่านหนังสือ ชื่อใบไม้กำมือเดียว เขียนโดยอาจารย์ศุภวรรณ พิพัฒพรรณวงศ์ กรีน (www.supawangreen.in.th)หนังสือเล่มนี้ได้จุดประกายความหวังของพี่ขึ้นมา แม้จะเป็นความหวังอันสูงส่ง นั่นคือความหมดสิ้นทุกข์(สิ้นกิเลสตัณหาอุปาทาน สู่นิพพาน) แต่พี่ก็ได้ข้อคิดจากอาจารย์ว่า เมื่อเริ่มเดินทาง จะต้องถึงจุดหมายไม่วันใดก็วันหนึ่ง(ไม่ชาตินี้ก็ชาติต่อไป)
หากมีความรู้และปฏิบัติธรรมได้ก้าวหน้า จะได้นำมาเป็นข้อมูลเขียนหนังสือในแนวเผยแพร่ธรรมะ หรือให้คำปรึกษาแก่ผู้ที่มีปัญหาชีวิต


(ผู้ดำเนินการสัมภาษณ์ ...... แม่พลัดถิ่น )

แนะนำผลงานเขียนและแปล ของคุณ พิกุล มา ณ ที่นี้ หากมีผู้สนใจอยากมีไว้อ่าน มีไว้ในครอบครองค่ะ

พยาบาลไทยในเยอรมัน ตอนเวรดึก เขียนโดย พิกุล ไฟลค์ ซึ่งลงพิมพ์ในนิตยสารพลอยแกมเพชรมาแล้ว และนำมารวมเป็นพ็อคเกตบุ้ค


ส่วนอีกสามเรื่อง เป็นเรื่องที่คุณพิกุล แปล จากภาษาเยอรมันเป็นภาษาไทยจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ ศรีสารา เช่นกัน ใช้นามปากกา แก้ว พิกุล

1.เราจะพบกันอีก..ที่สวรรค์ของฉัน เรื่องนี้น่าสนใจมาก

เป็นเรื่องที่รวบรวมจากสมุดบันทึกและจดหมายของเด็กสาวชาวเยอรมั นที่ป่วยด้วยโรคมะเร็ง ตอนอายุ 15ปี ที่ตอนแรกมีกำลังใจต่อสู้โรคร้ายดีมาก ต่อมาเมื่อรู้ตัวว่าไม่หาย จึงเตรียมพร้อมที่จะตาย เช่นเตรียมทำงานฝีมือเป็นของขวัญแก่คนที่เธอรัก เขียนจดหมายลา หลังจากที่เธอตายได้สิบปี แม่ของเธอตั้งใจจะทำเป็นหนังสือแจกญาติ เพื่อนฝูง โดยเขียนรายละเอียดเกี่ยวกับความรู้สึกและประสบ การณ์ในช่วงนั้นเพิ่มเติม ปรากฎว่ามีสำนักพิมพ์สนใจ นำไปพิมพ์ และกลายเป็นหนังสือขายดีติดอันดับ แปลเป็นต่างประเทศสิบกว่าภาษาแล้ว

2.หนูอยากมีอายุถึงร้อยปี

เรื่องที่เด็กสาวชาวออสเตรีย (ตอนเขียนอายุ 16ปี)เขียนเล่าชีวิตจริงของเธอเนื่องจากเธอได้ชื่อว่าเป็นเด็กที่ติดเชื้อเอดส์จากแม่ตั้งแต่แรกเกิด

เธอและยายที่เลี้ยงเ ธอมา(เพราะพ่อแม่ตายด้วยโรคเอดส์)ต้องต่อสู้มากมาย จนมีชีวิตรอดได้จนถึงบัดนี้ โดยเฉพาะสมัยนั้นคนยังไม่รู้จักโรคเอดส์อย่างแท้จริง จึงถูกสังคมรังเกียจเหยียดหยามไม่ได้รับความเป็นธรรม

3.ซาราห์..หญิงผู้แหวกประเพณี

เป็นชีวิตจริงของเด็กสาวชาวจอร์แดน ที่มาอยู่ในประเทศเยอรมนีตั้งแต่อายุ 4 ขวบ เธอรับขนบธรรมเนียมเยอรมัน จึงคิดแบบคนเยอรมัน ในขณะที่พ่อแม่เป็นมุสลิมที่เคร่งครัด เช่นไม่ยอมให้ลูกเรียนพละ เพราะเกรงเยื่อพรหมจรรย์ จะฉีกขาด พอลูกเป็นสาวก็ไม่ยอมให้เรียนต่อ แต่จับแต่งงาน ตอนท้ายเธอถูกสามีข่มขืน ทำร้ายร่างกาย จึงหนีไปอยู่กับผู้ชายเยอรมัน และถูกพ่อ และพี่ชายตามล่า

อ่านแล้วแทบไม่อยากเชื่อว่าความเชื่อ ยึดมั่นในประเพณีเก่าแก่ จะทำให้พ่อแม่โหดร้ายกับลูกสาวได้ถึงขนาดนั้น

......................

หนังสือแปลที่เพิ่งออกใหม่ล่าสุดชื่อ น้ำตาพระจันทร์ (Traenenmond) เขียนโดย Quarda Saillo สำนักพิมพ์ Lübbe


หนังสือออกใหม่ที่ติดยอดลำดับขายดี ในประเทศเยอรมนี พ.ศ.2549
“วัยเด็กของฉันสิ้นสุดลงเมื่ออายุห้าขวบ...”
เรื่องราวจากชีวิตจริงของเด็กผู้หญิงชาวโมร็อกโก ที่ต้องต่อสู้กับความอดอยากยากจน กับความโหดร้ายจากญาติที่แท้จริงของตน จนสามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆมาได้ โดยยึดมั่นในอุดมการณ์ คือถือความดีเป็นที่ตั้ง หยิ่งในเกียรติและศักดิ์ศรีของความเป็นคน
เป็นเรื่องที่ผู้หญิงชาวโมร็อกโก เขียนเล่าถึงชีวิตของเธอตั้งแต่จำความได้
เธอเกิดเมื่อพ.ศ 2517 ในบ้านที่สร้างด้วยโคลนของยาย ในเขตชายทะเล ซาฮารา และเติบโตมากับพี่ น้องทั้งหกคน ที่เมืองชายทะเล ชื่อ อะกาเดียร์
พ่อเป็นมุสลิมที่เคร่งครัด ต่อมาติดยาเสพติดจนกลายเป็นโรคจิต มีอาการประสาทหลอนและฆ่าแม่ตาย เมื่อพ่อถูกจับ เด็กทั้ง 7 คน(ตอนนั้นผู้เขียนอายุ 5 ขวบ)จึงอยู่ในความปกครองของลุงซึ่งมีลูกถึง 6 คน ถูกป้าและลูกของลุงข่มเหงรังแก ต้องอดมื้อกินมื้อ ทั้งถูกบังคับให้ทำงานหนักสารพัด นับว่าเป็นชีวิตที่ทรหดมาตั้งแต่เด็ก แต่เธอก็ต่อสู้และอดทน ต่อมาเมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่น เธอทำงานที่ร้านอาหารในโรงแรม ได้รู้จักกับนักท่องเที่ยว และเกือบจะแต่งงานกับชาวคูเวต แต่เธอกลับได้พบกับผู้ชายใจดีชาวเยอรมัน ในที่สุดเธอก็แต่งงานกับเขาและติดตามมาอยู่ในประเทศเยอรมัน แต่ในที่สุดก็หย่าร้างกัน และแต่งงานครั้งที่สองกับสามีคนปัจจุบัน ซึ่งก็เป็นชาวเยอรมัน และเป็นผู้กระตุ้นให้เธอเขียนเล่าเรื่องชีวิตจริงของเธอ โดยเธอต้องกลับไปค้นหาวัยเด็กของเธอที่ขาดหายไปที่ประเทศโมร็อกโก บ้านเกิด


ผลงาน ของ แก้ว พิกุล ทั้งหมด สั่งซื้อได้ที่สำนักพิมพ์ศรีสารา (นิตยสาร พลอยแกมเพชร)
หากท่านใดสนใจ ติดต่อได้ที่ pigoonanton@t-online.de ซึ่งนำมาจำหน่ายที่ประเทศเยอรมนี ในปีพ.ศ.2551

กรุณา สั่งจอง ก่อนเดือนธันวาคม พ.ศ.2550
1. พยาบาลไทยในเยอรมัน ราคา 10 ยูโร
2. เราจะพบกันอีก...ที่สวรรค์ของฉัน ราคา 10 ยูโร
3. หนูอยากมีอายุถึงร้อยปี ราคา 15 ยูโร
4.ซาราห์..หญิงผู้แหวกประเพณี ราคา 15 ยูโร
5.น้ำตาพระจันทร์ ราคา 15 ยูโร
ราคานี้พร้อมค่าส่ง (เฉพาะในประเทศเยอรมนี)

รายได้จากการจำหน่าย (หักต้นทุนแล้ว นำไปบริจาคองค์กรการกุศล หลายแห่ง)



Keine Kommentare: